วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559

ผู้ปกครองจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กได้อย่างไร




ผู้ปกครองจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กได้อย่างไร


ผู้ปกครองและ/หรือครอบครัว คือ ครูคนแรกๆ ของเด็กและเด็กๆก็ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่บ้านโดยไม่ต้องได้รับอิทธิพลหรือได้รับการสอนอย่างเป็นทางการจากสถานศึกษาแต่อย่างใด ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งที่เมื่อเด็กเข้าเรียนในสถานศึกษาแล้วการเรียนรู้จะต้องเชื่อมต่อและเชื่อมโยงระหว่างสถานศึกษาและครอบครัว เพื่อให้การเรียนรู้ของเด็กนั้นต่อเนื่องและทำให้การเรียนรู้มีความหมายต่อเด็ก เพราะสามารถเชื่อมโยงสู่ชีวิตจริงที่บ้านได้ด้วย 

มีวิจัยมากมายที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญและผลดีต่อนักเรียนในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและครอบครัวในการจัดการศึกษาด้วยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กมีผลต่อพัฒนาการและความสำเร็จด้านการศึกษาของนักเรียนอย่างเด่นชัด อีกทั้งยังช่วยผลักดันให้สถานศึกษาดำเนินงานจัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งการมีส่วนร่วมนั้น ผู้ปกครองสามารถมีส่วนร่วมได้ทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน 

North Central Regional Education Labovatory ได้นำเสนอลักษณะการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในสถานศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนตามรูปแบบของ Epstein และ Janson 6 ลักษณะ ซึ่งโรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ได้นำมาเป็นแนวทางในการส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองดังนี้คือ 

1. Parenting หรือ การดูแลเลี้ยงดูเด็กของครอบครัว 

หมายถึง ภาระหน้าที่พื้นฐานของผู้ปกครองที่จะต้องจัดให้เด็กซึ่งควรรวมถึง การจัดหาที่อยู่อาศัย การดูแลสุขภาพ อนามัย อาหารที่มีคุณภาพ และความปลอดภัยให้แก่เด็ก นอกจากนั้น ผู้ปกครองควรจะต้องจัดสภาพแวดล้อมที่บ้านที่ส่งเสริมการเรียนรู้ให้แก่เด็กอย่างเหมาะสมกับวัยและระดับชั้นด้วยสิ่งที่โรงเรียนพยายามดำเนินการเพื่อส่งเสริมให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมด้านนี้มี เช่น 

ให้ความเข้าใจแก่ผู้ปกครองเกี่ยวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ให้คำปรึกษาหรือข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงดูหรือการปรับพฤติกรรมเด็ก จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหรือสิ่งพิมพ์ให้แก่ผู้ปกครองเกี่ยวกับการเลี้ยงดูส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กที่เหมาะสมกับวัยและชั้นเรียน แนะนำหนังสือ website และสื่อต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับการส่งเสริมเด็กในทุกด้านให้แก่ผู้ปกครอง แนะนำการจัดสิ่งแวดล้อมที่บ้านให้เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียน ผู้ปกครองสามารถมีส่วนร่วมลักษณะนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติที่บ้าน การเรียนรู้ในชีวิตประจำวันของเด็กและครอบครัวทำให้การเรียนรู้นั้นมีความหมายมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อการเรียนรู้ที่สถานศึกษาและบ้านสอดคล้อง สนับสนุนซึ่งกันและกัน อีกทั้งผู้ปกครองยังสามารถจัดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็กได้ โดยอาจจะเริ่มจากการหาสถานที่ประจำซึ่งเงียบสงบให้เด็กทำการบ้าน จัดบอร์ดหรือสถานที่ในการจัดแสดงผลงานต่างๆ ของเด็ก จัดสื่อ เกม หนังสือที่เหมาะกับเด็กในวัยนี้ ให้โอกาสเด็กได้ฝึกช่วยเหลือตนเอง ฝึกทักษะ และมีส่วนร่วมช่วยรับผิดชอบงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ตามวัย 

ผู้ปกครองควรให้กำลังใจเด็กสม่ำเสมอ และเป็นตัวอย่างที่ดี เชิญชวน ชมเชย ส่งเสริม สนับสนุนเด็กตามวัย 

2. Communication หรือ การสื่อสาร 

หน้าที่รับผิดชอบพื้นฐานของสถานศึกษานั้นควรรวมถึงวิธีการสื่อสารอย่างหลากหลายจากสถานศึกษาไปยังบ้าน (เช่น ข่าวสาร จดหมายแจ้ง email สมุดสื่อสาร สมุดรายงานการเรียน การประชุม การโทรศัพท์) รวมถึงการให้ข้อมูลต่างๆ ด้วย (เช่น หลักสูตร การจัดอบรมและกิจกรรมต่างๆ การเรียนการสอนในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ ข่าวสารประจำสัปดาห์) 

ผู้ปกครองก็เช่นกัน ควรสื่อสารจากบ้านสู่สถานศึกษา ทำให้เกิดการสื่อสารสองทาง เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนและการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน ซึ่งการติดต่อสื่อสารนี้ไม่ควรเป็นการสื่อสารเมื่อมีเหตุการณ์ที่เป็นปัญหาเท่านั้น แต่ควรได้สื่อสารให้ครูได้รับทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่บ้าน พัฒนาการของเด็ก ความสนใจของเด็ก ความรู้สึกของเด็กและผู้ปกครองเกี่ยวกับครู โรงเรียน กิจกรรม และการเรียนรู้ควบคู่ไปด้วย รวมถึงข้อเสนอแนะต่างๆ เช่น แหล่งเรียนรู้ วิทยากร ฯลฯ 

โรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ได้พยายามเปิดช่องทางการสื่อสารสองทางเกี่ยวกับการจัดโปรแกรมต่างๆ ของสถานศึกษา การจัดการเรียนการสอน การเรียนรู้ของเด็กที่โรงเรียน และความก้าวหน้าของเด็กๆ หลายช่องทาง เช่น 

จัดปฐมนิเทศ และประชุมผู้ปกครองอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ส่งแฟ้มผลงานนักเรียนและแจ้งการปฏิบัติตนของเด็กในชีวิตประจำวันที่โรงเรียนทุกเดือน เพื่อครอบครัวจะได้รับรู้ ทบทวน และเสนอแนะเกี่ยวกับการเรียนรู้ของนักเรียน ผู้ปกครองได้รับสมุดรายงานการเรียนและพัฒนาการของเด็ก ภาคละ 1 ครั้ง จัดทำตารางกิจกรรมประจำวัน ปฏิทินโรงเรียน ข่าวสารประจำหน่วยการเรียนรู้ ข่าวสารประจำสัปดาห์ ข่าวสารชุมชน ข่าวสารแนะนำแหล่งเรียนรู้ เผยแพร่ให้ผู้ปกครองได้รับทราบ จัดช่องทางการติดต่อสื่อสารได้หลายรูปแบบ เช่น ผ่านสมุดสื่อสารประจำตัวนักเรียน โทรศัพท์ โทรสาร e-mail Facebook website ของโรงเรียน ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกสถานศึกษา วันและเวลาการรับสมัครสอบเข้าของโรงเรียนประถมศึกษาต่างๆ การสอบเข้ารวมถึงตัวอย่างข้อสอบ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ ของโรงเรียน และการจัดนิทรรศการ การจัดทัศนศึกษาต่างๆ รวมถึงการจัดกิจกรรม Project Approach ของโรงเรียนอย่างละเอียด ให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบาย หลักสูตร โปรแกรม ระเบียบการ และการดำเนินการเปลี่ยนแปลงของสถานศึกษา โรงเรียนจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้ปกครองจะได้ตอบสนองและติดต่อสื่อสารกับครูและกับผู้ปกครองกันเองได้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อการมีส่วนร่วมพัฒนาเด็กกันมากขึ้น 

3. Volunteering อาสาสมัคร 

หมายถึงการที่ผู้ปกครองอาสาสมัครสละเวลาและนำความเชี่ยวชาญหรือความสามารถต่างๆ เข้ามาช่วยกิจกรรมเพื่อพัฒนาเด็ก พัฒนาครู บุคลากรพัฒนาสถานศึกษาและพัฒนาหรือเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองด้วยกันเอง ช่องทางที่โรงเรียนได้จัดให้ผู้ปกครองอาสาสมัครเข้ามาร่วมได้มีหลายรูปแบบหลายกิจกรรม เช่น 

จัดให้มีผู้ปกครองเครือข่ายเพื่อการติดต่อสื่อสาร เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองกันเอง เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น และร่วมกันจัดหรือทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อพัฒนาเด็ก โรงเรียนครูบุคลากร และผู้ปกครองด้วยกันเอง โดยผู้ปกครองสามารถอาสาเข้ามาเป็นกรรมการของผู้ปกครองเครือข่ายได้ จัดโครงการ “ผู้ปกครองมีส่วนร่วม” โดยเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้เข้ามามีส่วนร่วมจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ให้แก่เด็กที่โรงเรียน เช่น การจัดกิจกรรมเสริมหน่วยการเรียนรู้ของเด็ก การเข้ามาเล่านิทานให้เด็กฟัง การเข้ามาเป็นผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้และทักษะต่างๆ แก่เด็ก เป็นวิทยากร ฯลฯ เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดนิทรรศการหรือดำเนินการตามโครงการต่างๆ เพื่อการเรียนรู้ของเด็ก ครู หรือ ผู้ปกครองด้วยกัน เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้ร่วมตรวจตรา หรือร่วมกิจกรรมอื่นๆ ที่จะช่วยดูแลความปลอดภัย และการดำเนินงานต่างๆ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการดูแลสุขภาพบุคลากรและนักเรียน เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้ร่วมไปทัศนศึกษากับนักเรียน เพื่อดูแลเด็ก พูดคุยกับเด็ก ตอบคำถาม และถามคำถามเด็ก เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองสามารถส่งสื่อเพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนของเด็กในห้องเรียน และนอกห้องเรียน รวมทั้งอาสาสมัครติดต่อหรือส่งวิทยากร กิจกรรม การแสดง อาหาร และอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และกิจกรรมอื่นๆ ในที่นี้ “อาสาสมัคร” หมายถึงใครก็ได้ที่สนับสนุนเป้าหมายของสถานศึกษา การเรียนรู้หรือพัฒนาการของเด็กในทิศทางใด สถานที่ใด หรือเวลาใดก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเฉพาะช่วงเวลาเปิดทำการของสถานศึกษา หรือที่อาคารสถานศึกษาเท่านั้น ผู้ปกครองที่มีส่วนร่วมด้านอาสาสมัครจะทำให้เด็กรู้สึกและเห็นได้ว่าผู้ปกครองให้ความสำคัญต่อการเรียนรู้ของเด็ก อันเป็นการช่วยให้เด็กกระตือรือร้น และอยากเรียนรู้ และเห็นความสำคัญในการเรียนรู้มากขึ้น ดังนั้นถ้าผู้ปกครองจะสามารถสละเวลาปีละอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงในการมีส่วนร่วมแบบอาสาสมัครก็จะทำให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อเด็กๆ 

4. Learning at Home หรือ การเรียนรู้ที่บ้าน 

หมายถึงผู้ปกครองช่วยเด็กๆ ในการทำการบ้าน และตั้งเป้าหมายทางการศึกษาให้แก่เด็ก รวมถึงการเล่นเกม ทำกิจกรรมร่วมกับเด็ก เพื่อเชื่อมโยงการเรียนรู้ของเด็กที่โรงเรียนและที่บ้าน ทำให้เด็กเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ ได้รับการเรียนรู้ในแง่มุมรายละเอียดที่ต่างกัน เห็นว่าการเรียนรู้ไม่ได้จำกัดเฉพาะที่โรงเรียน เกิดความต่อเนื่องในการฝึกทักษะและการเรียนรู้ ทั้งนี้สำหรับเด็กอนุบาลนั้น การเรียนรู้ที่บ้านต้องเป็นไปอย่างผ่อนคลาย สนุก มีความหมายต่อเด็ก 

โรงเรียนอนุบาลได้พยายามสนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในด้านนี้ เช่น 

ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาและวิธีการเรียนรู้ของเด็กที่โรงเรียน เพื่อผู้ปกครองสามารถส่งเสริมต่อเนื่องได้ที่บ้าน เสนอแนะกิจกรรม หนังสือ สื่อให้ผู้ปกครองสามารถจัดกิจกรรมกับเด็กที่บ้าน ให้การบ้านที่เด็กต้องมีปฏิสัมพันธ์หรือได้ทำร่วมกับบิดา มารดา ผู้ปกครอง จัดโครงการ “ห้องสมุดในห้องเรียน” เพื่อให้เด็กขอยืมหนังสือกลับบ้านไปอ่านกับผู้ปกครอง หรือให้ผู้ปกครองเล่าให้ฟังได้ทุกวัน ผู้ปกครองควรได้กำหนดเวลาในการมีส่วนร่วมด้านนี้ที่บ้านอย่างเป็นระบบ พยายามตอบคำถามนักเรียนด้วยการช่วยให้เด็กทำกิจกรรม สำรวจ สืบค้น เพื่อหาคำตอบร่วมกัน ศึกษาวิธีการใช้คำถามและระดับของคำถามที่ใช้เพื่อกระตุ้นให้เด็กคิด รวมทั้งศึกษาวิธีการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กอย่างเหมาะสมกับวัย 

ทั้งนี้ “การบ้าน” ไม่ได้หมายถึงงานที่ต้องทำคนเดียว แต่รวมถึงกิจกรรมที่มีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกันกับสมาชิกที่บ้าน หรือชุมชน ทำให้เกิดการเชื่อมโยงงานกับการเรียนรู้ที่สถานศึกษาและชีวิตจริงของนักเรียน 

ส่วน “การช่วยเหลือ” ที่บ้าน หมายถึง การส่งเสริมสนับสนุนโดยให้กำลังใจ ตอบสนอง ชมเชย แนะนำ ดูแล และพูดคุย อภิปราย ไม่ใช่ “สอน” วิชาต่างๆ 

5. Decision – Making หรือ การตัดสินใจ 

หมายถึง ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในองค์กรผู้ปกครอง เช่น คณะกรรมการบริหารสถานศึกษา หรือ สมาคมผู้ปกครอง และการตัดสินใจในนโยบาย ภาวะผู้นำ และการประชาสัมพันธ์ ดังนั้นสถานศึกษาจะต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ของสถานศึกษา พัฒนาภาวะผู้นำให้แก่ผู้ปกครองและผู้แทนผู้ปกครอง 

โรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ ได้ดำเนินการส่งเสริมให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในด้านนี้ เช่น 

เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองเข้ามาเป็นกรรมการของคณะกรรมการอำนวยการของโรงเรียน หรือคณะกรรมการบริหารสถานศึกษา เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองเข้าร่วมเป็นกรรมการในการจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งเป็นกรรมการเครือข่าย และเป็นกรรมการโครงการต่างๆ เพื่อร่วมตัดสินใจ เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้ร่วมประเมินผลกิจกรรมและโครงการต่างๆ รวมถึง การปฏิบัติงาน การดำเนินงานของครู บุคลากร ผู้บริหาร และแนวทางการบริหารโรงเรียน เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองสามารถสื่อสาร เชื่อมโยง ครอบครัว กับผู้แทนผู้ปกครอง “การตัดสินใจ” หมายถึงกระบวนการในการเป็นหุ้นส่วนที่จะร่วมมีมุมมองและปฏิบัติการสู่เป้าหมายเดียวกัน ตามวิสัยทัศน์ นโยบาย และหลักความเชื่อ ทฤษฏีของโรงเรียน เพื่อพัฒนาเด็กแต่ละคนสู่ศักยภาพที่สูงสุด 

ส่วนกิจกรรม “ผู้ปกครองเครือข่าย” หมายถึง ผู้แทนผู้ปกครองที่ได้รับโอกาสและการสนับสนุนให้รับฟังและสื่อสารกับครอบครัวอื่นๆ และกับโรงเรียน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันและกัน รวมทั้งร่วมออกความคิดเห็น ตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินงานและกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน ดังนั้น ผู้ปกครองควรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ โดยการสละเวลาเข้ามาเป็นกรรมการ หรืออย่างน้อยก็ร่วมให้ความคิดเห็น ตอบแบบประเมินผล ให้ข้อมูล และเสนอแนะ อย่างสม่ำเสมอ ด้วยวิธีการสื่อสารที่มีหลายทาง 

6. Collaborating with Community หรือ การให้ความร่วมมือกับชุมชน 

หมายถึงการที่ผู้ปกครองส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนกับทรัพยากร และการบริการของชุมชน สถานศึกษาหาและผสมผสานทรัพยากรและการบริการจากชุมชนในการเสริมสร้างโปรแกรมของสถานศึกษา การดำเนินการของผู้ปกครอง และการพัฒนานักเรียน 

ผู้ปกครองสามารถใช้ทรัพยากรและบริการของชุมชน ส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้เด็กได้เสมอเมื่อมีโอกาส เช่น การพาเด็กไปดูชมนิทรรศการ หรือ พิพิธภัณฑ์ หรือ ใช้บริการห้องสมุด สวนสาธารณะ หรือ แหล่งเรียนรู้ต่างๆ หรือ เข้าร่วมกิจกรรมโครงการต่างๆ ของชุมชน เช่น โครงการเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย หรือการประหยัดทรัพยากร หรือ การแสดงดนตรี ระบำ หุ่นกระบอก ฯลฯ รวมถึงการพาเด็กไปทำบุญ สวดมนต์ หรือร่วมกิจกรรมศาสนาและประเพณีไทยต่างๆ อันจะทำให้เด็กได้เรียนรู้ในบริบทของชุมชน รู้จักสถานที่ที่สามารถแสวงหาความรู้ คำตอบของข้อสงสัย หรือพัฒนาทักษะด้านต่างๆ เพื่อเด็กจะได้รับประสบการณ์ตรง และเข้าใจได้ว่าการเรียนรู้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่บ้าน โรงเรียน หรือตำราเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝังให้รักชุมชน และช่วยเหลือสังคมที่ดีอีกด้วย 

โรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ ได้ดำเนินการ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในด้านนี้ เช่น 

การจัดทำสารแนะนำกิจกรรมชุมชนและแหล่งเรียนรู้ การให้ข้อมูลว่าเด็กกำลังเรียนรู้อะไรอยู่ และแหล่งเรียนรู้หรือกิจกรรมในชุมชนที่ผู้ปกครองพาเด็กไปเยี่ยมชมหรือเข้าร่วมกิจกรรมได้ เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมกับชุมชนในการรีไซเคิล เช่น การบริจาคกระดาษเพื่อโครงการกระดาษเพื่อต้นไม้ การบริจาคห่วงกระป๋องน้ำดื่ม ฝาแบรนด์ และอลูมิเนียมชนิดต่างๆ เพื่อโครงการมูลนิธิขาเทียมฯ การขอรับบริจาคเสื้อผ้า สิ่งของ เครื่องใช้ ที่ใช้แล้วแต่ยังอยู่ในสภาพดี เพื่อจัดขายงานวันสวยได้กุศล โดยนำรายได้ไปเป็นกองทุนบริการโครงการสถานรับเลี้ยงเด็กบ้านเทพในชุมชนแออัด สวนอ้อย คลองเตย การบริจาคกล่องนม เพื่อโครงการแยกกล่องลดขยะที่สามารถนำมารีไซเคิล เป็นของใช้ต่างๆ ทั้งนี้คำว่า “ชุมชน” ไม่ได้มีความหมายครอบคลุมเพียงชุมชนที่บ้านหรือสถานศึกษาของนักเรียนตั้งอยู่เท่านั้น แต่ยังหมายถึงชุมชนสถานที่อื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้และการพัฒนาของนักเรียนด้วย นอกจากนั้น ชุมชน ยังหมายถึง ทุกคนที่มีความสนใจใน และได้รับผลจาก คุณภาพการศึกษา มิใช่เฉพาะผู้ที่มีบุตรหลานอยู่ในสถานศึกษาเท่านั้น 

สรุป 

หากผู้ปกครองสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็กได้ทั้ง 6 ด้าน หรือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ผู้ปกครองก็จะเป็นหุ้นส่วนของโรงเรียนในการเสริมสร้างศักยภาพของเด็กสู่คุณภาพสูงสุดได้แน่นอน มีวิจัยมากมายที่บ่งบอกถึงประโยชน์ (benefits) ของการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองอย่างจริงจัง ว่าจะช่วยให้เด็กประสบความสำเร็จทางการศึกษาและชีวิตในหลายด้าน และรัฐบาลหลายประเทศ รวมถึง สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ได้กำหนดให้ทุกสถานศึกษาทุกระดับ ส่งเสริม เสริมสร้าง เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็กอย่างจริงจังจนเรียกได้ว่า ผู้ปกครอง “เป็นหุ้นส่วน” ของสถานศึกษา ในการจัดการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียน 

โรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ มีความตั้งใจที่จะส่งเสริมให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ และตระหนักดีว่าจะต้องปรับปรุงวิธีการ และจัดหาโอกาสให้เหมาะสมกับผู้ปกครองที่มีความแตกต่างกันทั้งด้าน เวลา ลักษณะครอบครัว ลักษณะของงานประจำ ฯลฯ ให้มากขึ้น อย่างไรก็ดี โรงเรียนหวังอย่างยิ่งว่าผู้ปกครองจะเห็นความสำคัญ ตระหนักถึงประโยชน์ที่เด็กจะได้ และเข้ามามีส่วนร่วมในการให้การศึกษาเด็กอย่างเชื่อมโยงกันระหว่างบ้าน โรงเรียน และชุมชน อีกทั้งมีส่วนร่วมในการทำให้การมีส่วนร่วมนี้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เด็กๆ นักเรียนโรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่

วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2559

ศูนย์การเรียนรู้ทางการศึกษาปฐมวัย

 ศูนย์การเรียนรู้ทางการศึกษาปฐมวัย

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1)เปรียบเทียบพฤติกรรมความรับผิดชอบของเด็กปฐมวัยก่อนและระหว่างได้รับการจัดกิจกรรมสถานการณ์จำลอง
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการประหยัดของเด็กปฐมวัยระหว่างการจัดการเรียนรู้แบบกระบวนการสร้างนิสัย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือเด็กปฐมวัยชาย-หญิง มีอายุระหว่าง 5-6 ปี กำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 โรงเรียนจัตุรัสวิทยานุกูล
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1. เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการทำงานเป็นกลุ่มของเด็กปฐมวัยก่อนและระหว่างได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้ประเพณีท้องถิ่นโรงเรียนชุมชนบัวบานสามัคคี จังหวัดชัยภูมิ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) เปรียบเทียบพฤติกรรมด้านความพากเพียรอุตสาหะของเด็กปฐมวัยก่อน และระหว่างได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการแสวงหาความรู้ของเด็กปฐมวัย ก่อนและระหว่างได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกระบวนการสืบค้นเป็นกลุ่ม
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวโน้มพฤติกรรมการทำงานเป็นกลุ่มของเด็กปฐมวัยโดยใช้การจัดกิจกรรมการทำหนังสือเล่มใหญ่ ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นเด็กปฐมวัยโรงเรียนชุมชวนวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 ที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาที่เน้นเกษตรกรรมท้องถิ่น ระดับปฐมวัยศึกษา โรงเรียนบ้านนามน จังหวัดชัยภูมิ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยด้านการพัฒนาหลักสูตรเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาของโรงเรียนบ้านนามน อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ จำนวน 96 คน
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาที่เน้นแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นระดับปฐมวัยศึกษา โรงเรียนบ้านเดื่อ จังหวัดชัยภูมิ ผลการวิจัยพบว่า 1.) ผลการศึกษาความต้องการเกี่ยวกับสาระการเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นที่กำหนดในหลักสูตรสถานศึกษา ประกอบด้วยเรื่อง ไก่ย่างบ้านเดื่อ การทอผ้าไหม สวนผักไร้ดิน ไข่เค็มสมุนไพรไอโอดีน สมุนไพรใกล้บ้าน วัดโพธิ์ศรี ห้องสมุดประชาชน ศาลพระยานรินทร์สงคราม บึงละหาน ห้วยลำคันฉู ประเพณีได้แก่ แห่บุญบั้งไฟ แห่รูปหล่อพระครูสุทธ สราจารย์ การละเล่นพื้นบ้าน และการเลี้ยงตาปู่บ้าน
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมความมีน้ำใจของเด็กปฐมวัยก่อนและระหว่างได้รับการจัดการชั้นเรียนแบบคละอายุ แบ่งเป็น 2 ข้อย่อย ดังนี้ 1) ศึกษาแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงความมีน้ำใจของเด็กปฐมวัย โดยใช้การจัดการชั้นเรียน แบบคละอายุชั้นอนุบาลปีที่ 1 2) ศึกษาแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงความมีน้ำใจของเด็กปฐมวัย โดยใช้การจัดการชั้นเรียนแบบคละอายุ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมด้านจิตสาธารณะของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมทัศนศึกษา กลุ่มประชากรที่ใช้ในการศึกษาวิจัยเป็นเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 1 และชั้นอนุบาลปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวโน้มพฤติกรรมความสามัคคีของเด็กปฐมวัยก่อนและระหว่างการจัดการชั้นเรียนแบบคละอายุ แบ่ง 2 หัวข้อย่อย ดังนี้ 1.) ศึกษาแนวโน้มความสามัคคีของเด็กปฐมวัยโดยใช้การจัดการชั้นเรียนแบบคละอายุของเด็กอนุบาลปีที่ 1 2.) ศึกษาแนวโน้มความสามัคคีของเด็กปฐมวัยโดยใช้การจัดการชั้นเรียนแบบคละอายุของเด็กอนุบาลปีที่ 2
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการสื่อสารของเด็กปฐมวัยก่อนและระหว่างได้รับการจัดกิจกรรมละครเกี่ยวกับตำนานของจังหวัดร้อยเอ็ด และศึกษาแนวโน้มพฤติกรรมการสื่อสารของเด็กปฐมวัยช่วงเวลาระหว่างการจัดกิจกรรมละครเกี่ยวกับตำนานของจังหวัดร้อยเอ็ด
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาที่เน้นวัฒนธรรมพื้นบ้าน ระดับปฐมวัยศึกษา โรงเรียนโพนทองพิทยา จังหวัดชัยภูมิ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยด้านการพัฒนาหลักสูตรเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาของโรงเรียนโพนทองพิทยา อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ จำนวน 144 คน
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการใช้ภาษาของเด็กปฐมวัยก่อนและระหว่างได้รับการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารโดยใช้การบันทึกข้อมูลและศึกษาแนวโน้มพฤติกรรมการใช้ภาษาของเด็กปฐมวัยช่วงเวลาระหว่างการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารโดยใช้การบันทึกข้อมูล
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมประกอบอาหาร กลุ่มประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นเด็กปฐมวัย ชาย-หญิง อายุระหว่าง 5 – 6 ปี กำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่ 2 ปีการศึกษา 2553 โรงเรียนบ้านกุดน้ำใส (3 พระครูอนุสรณ์)
การสังเคราะห์วิทยานิพนธ์สาขาวิชาการจัดการการปฐมวัยศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ลักษณะของวิทยานิพนธ์สาขาวิชาการจัดการการปฐมวัยศึกษา 2) องค์ความรู้ / นวัตกรรมของวิทยานิพนธ์สาขาวิชาการจัดการการปฐมวัยศึกษา ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็น วิทยานิพนธ์สาขาวิชาการจัดการการปฐมวัยศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ที่พิมพ์เผยแพร่ในช่วงปี พ.ศ. 2552-2553 จำนวน 20 เรื่อง
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินหลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต (คม.)สาขาวิชาการจัดการการปฐมวัยศึกษา วิทยาลัยการ ฝึกหัดครู มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ประชากรจำนวน 140 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้จำนวน 130 คนประกอบด้วย มหาบัณฑิต 19 คน ผู้บังคับบัญชาของมหาบัณฑิต 19 คน นักศึกษา 82 คน อาจารย์ผู้สอน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบ ประเมินชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับและแบบปลายเปิด การวิจัยครั้งนี้ใช้สถิติเชิงพรรณนาได้แก่ ค่าร้อยละ ค่ามัชฉิมเลข คณิตและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559

video

ศูนย์การเรียนรู้ทางปฐมวัย

สมอง : สิ่งมหัศจรรย์ในร่างกายมนุษย์

ผู้แต่ง

นนทชนนปภพ ปาลินทร
วิวัฒนาการของสมองมนุษย์
สมองของมนุษย์มีวิวัฒนาการมาเมื่อหลายร้อยล้านปีมาแล้ว นับตั้งแต่ก้านสมอง (Brain Stem) ซึ่งเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดมีวิวัฒนาการมาเมื่อ 300 ล้านปีมาแล้ว สมองส่วนนี้มีลักษณะเหมือนสมองของสัตว์เลื้อยคลานจึงถูกเรียกว่า “สมองสัตว์เลื้อยคลาน” สมองน้อยหรือซีรีเบลลัม (Cerebellum) แผลงมาจากคำว่า cerebrum ในภาษาละตินหมายถึงสมองที่มีขนาดเล็ก (Little brain) เนื่องจากสมองน้อยมีรูปร่างเหมือนสมองใหญ่ทุกประการแต่มีขนาดเล็กกว่าเท่านั้น ส่วนระบบลิมบิก (Limbic system) คือกลุ่มโครงสร้างเซลล์ที่อยู่ระหว่างก้านสมองกับเปลือกสมองมีวิวัฒนาการระหว่าง 300-200 ล้านปีก่อน เป็นสมองส่วนที่เจริญที่สุดในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจึงถูกเรียกว่า “สมองสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม” (Mammalian brain) บาซัล แกงเกลีย (Basal ganglia) จะมีขนาดใหญ่และมีพัฒนาการสูงอยู่ในตำแหน่งครอบส่วนบนของระบบลิมบิก และสมองใหญ่หรือซีรีบรัม (Cerebrum) เป็นสมองส่วนที่ใหญ่ที่สุดห่อหุ้มระบบลิมบิกและส่วนบนของก้านสมองเอาไว้ ด้านในของสมองใหญ่มีรูปทรงคล้ายโดมครึ่งวงกลม ส่วนนอกสุดของสมองใหญ่คือเปลือกสมอง (Cortex) มีวิวัฒนาการมาจากสัตว์ที่เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์เมื่อราว 200 ล้านปีมาแล้ว

Download เอกสารที่เกี่ยวข้อง


  • สมอง : สิ่งมหัศจรรย์ในร่างกายมนุษย์